รู้เท่าทัน โรคกระดูกพรุน ภัยเงียบในผู้สูงวัย
By Birth Intern 31 ม.ค. 2568
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นโรคที่กระดูกมีความหนาแน่นและความแข็งแรงลดลง ทำให้กระดูกเปราะและแตกหักง่าย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน และผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ โรคนี้มักไม่มีอาการจนกระทั่งเกิดกระดูกหัก ซึ่งเป็นเหตุให้ถูกเรียกว่า "ภัยเงียบ"
ปัจจัยเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
1. อายุ : ความหนาแน่นของกระดูกลดลงเมื่ออายุมากขึ้น
2. เพศ : ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนหลังหมดประจำเดือน
3. การใช้ยาบางชนิดเกินขนาด เช่น การใช้ยาสเตียรอยด์เกินขนาด
4. โภชนาการ : การบริโภคแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอ
5. การออกกำลังกาย : การขาดการออกกำลังกายที่มีแรงกดทับกระดูก (weight-bearing exercise)
6. การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ : ทั้งสองปัจจัยนี้สามารถลดความหนาแน่นของกระดูกได้
การป้องกันโรคกระดูกพรุน
1. การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง : เช่น นม โยเกิร์ต ปลาแซลมอน และผักใบเขียวเข้ม
2. การออกกำลังกาย : ออกกำลังกายที่มีแรงกดทับกระดูกเช่น การเดิน การวิ่ง การยกสิ่งของเบาๆ หรือการทำโยคะ
3. การงดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ : เพื่อป้องกันการลดความหนาแน่นของกระดูก
4. การตรวจความหนาแน่นของกระดูก : การตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density Test) สามารถช่วยให้รู้ว่ามีภาวะกระดูกพรุนหรือไม่และช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาที่เหมาะสม
การรักษาโรคกระดูกพรุน
1. ยา : แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก เช่น ยาบิสฟอสโฟเนต (Bisphosphonates) หรือยาอื่นๆ ตามที่แพทย์แนะนำ
2. โภชนาการ : การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง
3. การออกกำลังกาย : การออกกำลังกายที่มีแรงกดทับกระดูกอย่างสม่ำเสมอ
4. การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต : การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อป้องกันการหกล้มและการบาดเจ็บ
การดูแลและป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ที่มาของข้อมูล