มะเร็งตับ ภัยเงียบที่ควรระวัง
By Birth Intern 10 ก.พ. 2568

มะเร็งตับ (Liver Cancer) เป็นหนึ่งในมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีประวัติโรคตับเรื้อรัง เช่น โรคตับแข็ง หรือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี โดยในระยะเริ่มต้นมักจะไม่แสดงอาการชัดเจน ทำให้หลายคนไม่ทราบว่าตัวเองกำลังมีความเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ
-
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี
คนที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซีในร่างกายมีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งตับ เนื่องจากไวรัสเหล่านี้ทำลายเซลล์ตับในระยะยาว
-
โรคตับแข็ง
การที่ตับมีพังผืดและไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ (ตับแข็ง) สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการพัฒนาเป็นมะเร็งตับได้
-
การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความเสียหายที่ตับ และอาจนำไปสู่โรคตับแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
-
โรคอ้วนและเบาหวาน
การมีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคเบาหวานสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับได้
-
ปัจจัยทางพันธุกรรม
คนที่มีประวัติครอบครัวที่มีมะเร็งตับอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น
อาการที่ควรระวัง
มะเร็งตับในระยะแรกมักไม่มีอาการเด่นชัด แต่เมื่อโรคพัฒนาขึ้น อาจมีอาการเหล่านี้
- ปวดท้องบริเวณขวาบนของท้อง
- การบวมของท้องหรือการมีอาการท้องอืด
- เบื่ออาหารและน้ำหนักลด
- อ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- มีสีผิวหรือดวงตาเหลือง (ดีซ่าน)
การตรวจสอบและป้องกัน
-
การตรวจเลือดและอัลตราซาวด์
การตรวจสุขภาพเป็นประจำโดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี รวมถึงการตรวจอัลตราซาวด์หรือตรวจสแกนตับเพื่อหาความผิดปกติ -
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี และการปฏิบัติตามข้อควรระวังในการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ เช่น การใช้เข็มฉีดยาหรือการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย -
การควบคุมน้ำหนักและการรักษาโรคเบาหวาน
การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งตับได้
แหล่งที่มาของข้อมูล
www.thaihealth.or.th
www.cancer.gov