กระดูกนิ้วหักหรือเคลื่อนเกิดจากการที่กระดูกนิ้วมือได้รับแรงกระแทกหรือแรงกดที่มากเกินไป ส่งผลให้กระดูกแตกร้าว, หัก หรือเคลื่อนออกจากตำแหน่งปกติได้ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่ใช้มือทำงานหนักหรือเล่นกีฬาที่ต้องใช้มือ

สาเหตุของกระดูกนิ้วหักหรือเคลื่อน

1. การบาดเจ็บจากการกระแทก : เช่น อุบัติเหตุจากการล้ม การชน หรือแรงกระแทกจากสิ่งของแข็ง

2. แรงกดหรือบิดที่มากเกินไป : เช่น การจับสิ่งของแน่นเกินไป หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ

3. การใช้งานหนักซ้ำๆ : เช่น การทำงานที่ใช้มืออย่างต่อเนื่องหรือการเล่นกีฬา

4. อุบัติเหตุทางกีฬา : เช่น การจับลูกบอลหนักเกินไป หรือการล้มขณะเล่นกีฬา

อันตรายจากกระดูกหักหรือกระดูกเคลื่อน

1. ความเจ็บปวดและบวม : มักจะมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงและบวมบริเวณที่กระดูกหักหรือเคลื่อน

• การเคลื่อนไหวที่จำกัด : อาจทำให้ไม่สามารถใช้นิ้วมือได้ตามปกติ เช่น การจับสิ่งของ หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือ

• ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว : หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจเกิดการติดเชื้อ การเสียรูปของกระดูก หรือข้อต่อแข็งและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ

• การสูญเสียความสามารถในการทำงาน : สำหรับคนที่ต้องใช้มือในการทำงาน เช่น ช่างซ่อมบำรุง, พนักงานโรงงาน หรือศิลปิน

ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

• การทำกิจวัตรประจำวันที่ต้องใช้มือ : เช่น การเขียน, การพิมพ์, การปรุงอาหาร, หรือแม้แต่การแต่งตัว

• การทำงาน : สำหรับผู้ที่ต้องใช้มือในการทำงาน อาจต้องหยุดงานหรือปรับเปลี่ยนหน้าที่

• การเล่นกีฬาและกิจกรรมยามว่าง : การมีปัญหาที่นิ้วมือจะส่งผลต่อความสามารถในการเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือ

การรักษา

• การใส่เฝือกหรือแผ่นดาม : เพื่อให้กระดูกนิ้วอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องขณะหาย

• การผ่าตัด : ในกรณีที่กระดูกเคลื่อนหรือหักซับซ้อน อาจต้องใช้การผ่าตัดเพื่อจัดเรียงกระดูกให้ถูกต้อง

• การทำกายภาพบำบัด : ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงและการเคลื่อนไหวของนิ้วมือหลังการรักษา

แหล่งข้อมูล

สำหรับข้อมูลที่ละเอียดและถูกต้องเกี่ยวกับกระดูกหักและกระดูกเคลื่อน สามารถดูได้ที่:

• เว็บไซต์กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข www.dms.moph.go.th

• โรงพยาบาลต่างๆ เช่น โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลและรักษากระดูกหัก